ความตึงเครียดระหว่างอินเดีย–ปากีสถาน: ภูมิภาคที่อ่อนไหว
อินเดียและปากีสถานเป็นสองประเทศที่มีประวัติความขัดแย้งยาวนาน โดยเฉพาะกรณีพิพาทเกี่ยวกับแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งเคยนำไปสู่สงครามมาแล้วหลายครั้ง ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศนี้มักจะปะทุขึ้นจากเหตุการณ์ในพื้นที่ชายแดน การโจมตีจากกลุ่มติดอาวุธ หรือความเคลื่อนไหวทางการเมืองภายใน
หากสถานการณ์ในปี 2568 เกิด ความขัดแย้งทางทหารที่รุนแรงขึ้นหรือมีการปะทะกันแบบจำกัดพื้นที่ (Limited War) ผลกระทบจะไม่ได้จำกัดแค่ในภูมิภาคเอเชียใต้เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดโลก โดยเฉพาะ “ราคาทองคำ” ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามวิกฤต
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค
- การค้าชายแดนหยุดชะงัก
อินเดียและปากีสถานมีการค้าขายกันในบางส่วน แม้จะมีข้อจำกัด หากเกิดความตึงเครียดจนต้องปิดชายแดนหรือคว่ำบาตรกันเอง จะส่งผลให้ผู้ประกอบการในภูมิภาคเดือดร้อน และกระทบห่วงโซ่อุปทานในระดับท้องถิ่น - กระทบตลาดหุ้นและค่าเงิน
ความไม่แน่นอนทางการเมืองมักทำให้ตลาดหุ้นอินเดีย (NSE) และปากีสถาน (PSX) ปรับตัวลดลง ขณะที่ค่าเงินรูปีอินเดียและรูปีปากีสถานอ่อนค่าลง โดยเฉพาะหากมีการใช้กำลังทางทหาร - เงินทุนไหลออกจากภูมิภาค
นักลงทุนต่างชาติอาจถอนเงินออกจากตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) ในเอเชียใต้ และหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรสหรัฐฯ หรือทองคำ
ราคาทองคำจะได้รับผลกระทบอย่างไร?
ทองคำพุ่งขึ้นทันทีเมื่อเกิดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-haven asset) ซึ่งมักได้รับความสนใจทุกครั้งที่เกิดความไม่แน่นอน เช่น สงครามหรือวิกฤตระหว่างประเทศ หากความขัดแย้งอินเดีย–ปากีสถานลุกลาม ราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นในระยะสั้นทันที
การอ่อนค่าของค่าเงินในเอเชียใต้ กระตุ้นความต้องการทองคำในประเทศ
อินเดียเป็นประเทศที่มีการบริโภคทองคำมากที่สุดในโลก หากค่าเงินรูปีอ่อนค่าลง ราคาทองคำในประเทศจะสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการทองคำในประเทศชะลอลงบ้าง แต่ในตลาดโลก ความต้องการทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอาจยังสูงอยู่
ราคาทองคำอาจผันผวนในระยะกลาง
หากความขัดแย้งลากยาวโดยไม่สามารถประเมินผลลัพธ์ได้ชัดเจน นักลงทุนจะคงการถือครองทองคำในพอร์ต ส่งผลให้ราคาทองยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าจับตา
แม้ความตึงเครียดระหว่างอินเดียกับปากีสถานจะยังไม่ขยายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ แต่หากสถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้นถึงกลาง โดยนักลงทุนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และอาจใช้ทองคำเป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยงในช่วงความไม่แน่นอน