ทองคำ มรดกอันล้ำค่า ประวัติศาสตร์อันยาวนาน เมื่อพูดถึงทองสุโขทัยหลายคนอาจจะยังไม่คุ้นหูเท่ากับการเรียกว่าทองโบราณ ทองสุโขทัยในอดีตจะมีความสวยงาม งานละเอียดและประณี ที่สำคัญจะมีราคาสูงกว่าทองทั่วไป เพราะใช้ทองที่มีเปอร์เซ็นสูงถึง 99.99% และต้องใช้ฝีมือในการสร้างสรรค์ออกแบบลวดลายต่าง ๆในการผลิตชิ้นงาน ที่มีทั้งสร้อยทองสุโขทัย สร้อยข้อมือ แหวนทอง กำไลข้อมือทอง ซึ่งปัจจุบันก็ได้มีการออกแบบลวดลายให้ทันสมัยตามกาลเวลาและแฟชั่น ทองสุโขทัย หรือบางคนเรียกติดปากว่าทองลงยา จึงมีความคล้ายคลึงกัน มีการลงยาโดยใช้สีพาสเทลตามสมัยแฟชั่น ออกแบบให้ดูวัยรุ่นขึ้นมีทั้งจี้ทองลงยาสีพาสเทล แหวนทอง สร้อยข้อมือทอง ที่กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

             ทองคำ มาถึงตอนนี้หลายท่านคงอยากทำความรู้จักที่มาของทองสุโขทัยกันแล้วใช่ไหมค่ะ จังหวัดสุโขทัยเมื่อ 700 ปีก่อน นอกจากเคยดำรงสถานะเป็นราชธานีเมืองหลวงของกรุงสุโขทัยที่มีฐานประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทั้งทางด้านศูนย์กลางการปกครอง ศาสนา และศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญ จึงทำให้เกิดช่างสกุลสุโขทัยด้านต่าง ๆ ขึ้นไม่น้อย และในจำนวนนั้นก็คือ ช่างทองสกุลสุโขทัย

จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่เป็นภาพสลักและภาพปูนปั้นในสมัยสุโขทัย รวมถึงจากศิลาจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่ได้กล่าวถึงการค้าเงินค้าทองไว้ด้วย ขณะที่หลักศิลาจารึกหลักอื่น ๆ มีการกล่าวถึงการใช้ทองคำมาเกี่ยวข้องกับพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งมีการถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เช่น พระมหามงกุฎ พระแสงขรรค์ไชยศรี และเศวตฉัตร รวมถึงใช้ทองคำเป็นเครื่องราชบรรณาการ และการสร้างพระพุทธรูปด้วยทองคำ รวมทั้งภาชนะอื่นๆ เช่น ตลับและผอบเล็กๆ สำหรับใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หรือทำเป็นเจดีย์ขนาดเล็ก และเครื่องประดับ เช่น แหวน ต่างหู กำไล ฯลฯ แหล่งทองคำในสมัยนั้นส่วนหนึ่งนำมาจากบางสะพาน ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อีกส่วนหนึ่งนำเข้ามาจากประเทศจีน รวมทั้งยังมีการค้นพบพระพุทธรูปทองคำขนาดเล็กและแผ่นลานทองคำ นอกจากนี้ยังมีการใช้ทองคำเปลวปิดพระพุทธรูปสำริด

จวบจนปี 2473 ได้ปรากฏช่างทองในจังหวัดสุโขทัย คือ นายเชื้อ วงศ์ใหญ่ ผู้ที่ทำให้ทองสุโขทัยหรือทองศรีสัชนาลัยมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยได้รับความรู้วิชาทำทองจากช่างทองชาวจีน คือนายพ้ง และ นายขุ่ย ซึ่งนายเชื้อ เล่าเรียนอย่างจริงจังจนสามารถทำทองได้ทุกรูปแบบได้ด้วยตนเอง ในเวลาต่อมาจึงเปิดร้านทำทองเป็นของตนเอง (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งร้านทองสมสมัยในปัจจุบัน คือ บริเวณ 343/1 หมู่ 5 ตำบลท่าชัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย) โดยจะรับทำทองตามที่ลูกค้าต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นเพียงสร้อยคอทอง แหวนทอง หรือกำไลทอง ที่มีลวดลายเรียบๆ และมีลวดลายอยู่เพียงไม่กี่แบบเท่านั้น ยังไม่มีการทำทองรูปพรรณออกจำหน่าย และเป็นการรับทำทองที่มีรูปแบบ โดยอาศัยเครื่องมือง่ายๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใช้เอง ส่วนเนื้อทองใช้ทองคำความบริสุทธิ์ร้อยละ 96.5 ต่อมานายเชื้อได้ถ่ายทอดวิชาช่างทองให้แก่บุตรสาว คือนางสมสมัยจนมีความรู้ความสามารถในการทำทองอย่างเชี่ยวชาญ เช่นเดียวกับบิดา แต่ก็ยังเป็นการรับผลิตตามสั่งเช่นเดิม

ในยุคของนางสมสมัยนี้ งานทำทองเริ่มเป็นที่รู้จัก และมีรูปแบบขึ้นเฉพาะตัว ภายหลังจากมีลูกค้าที่มีเส้นถักสำริดโบราณที่ได้จากบริเวณริมแม่น้ำยมมาให้นางสมสมัยทำเลียนแบบ ซึ่งเป็นลวดลายที่ไม่มีอยู่ในท้องตลาด จึงทำการแกะลายออกมาทีละปล้อง จนสามารถทราบได้ว่าแต่ละขั้นตอนเริ่มต้นถักและสิ้นสุดอย่างไร โดยเริ่มจากการขมวดเส้นลวดทองแล้วเริ่มถักเส้นทองนั้นขึ้นมาจนเป็นเส้นสร้อย ซึ่งมีลายใกล้เคียงกับต้นแบบ จากนั้นจึงนำลวดทองไปให้นายเลื่อน ลอยฟ้า ผู้ที่มีอาชีพจักสานทำการถักสร้อยจนแล้วเสร็จ

และเพื่อเป็นการรักษามรดกอันสำคัญของบ้านเมือง พร้อมกันนี้นางสมสมัยและเครือญาติยังมีการถ่ายทอดความรู้ไปยังช่างทองอื่นๆ ที่ไม่ใช่เครือญาติเพื่อให้ศิลปะแขนงนี้แพร่หลายและไม่สูญหาย เช่น การรับฝึกงานให้นักศึกษาจากสถาบันต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยศิลปากร กาญจนาภิเษก วิทยาลัยช่างทองหลวง และวิทยาลัยการอาชีพศรีสัชนาลัย

ปัจจุบันทองโบราณจากการสืบทอดของนางสมสมัย มีการรังสรรค์เครื่องประดับสำหรับการใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ศีรษะ จรดเท้า ออกเป็น 5 ประเภท คือ เครื่องประดับนิ้ว มีแหวนทองคำลงยา แหวนทองหัวมังกร แหวนทองพ่อขุน เครื่องประดับเอว มีเข็มขัดทองลายต่างๆ และหัวเข็มขัดทองแกะสกัดลวดลายฉลุ หรือการตอกลายนูน เครื่องประดับหู มีต่างหูทองแบบต่างๆ ทั้งลายฉลุ ลายหลอดก้านแข็ง เครื่องประดับเท้า มีผู้สั่งทำบ้างแต่จำนวนน้อย เช่น กำไลทองข้อเท้า เข็มกลัดทองและเครื่องประดับอื่นๆ ส่วนใหญ่มักสั่งเป็นลายฉลุ การตอกลายหรือลายประดิษฐ์

ขณะที่ลวดลายมีการคิดค้นจากสิ่งแวดล้อม 6 กลุ่ม คือ กลุ่มลวดลายพฤกษา เป็นการเลียนแบบลวดลายจากดอกไม้และต้นไม้ เช่น ลายเครือเถา ลายดอกพิกุล ลายดอกบัว ลายพรรณพฤกษา โดยในลวดลายกลุ่มนี้จะใช้เทคนิคการลงยา ซึ่งเป็นการใช้ศิลปะวิทยาการสมัยอยุธยา ใช้แทนการประดับเพชรพลอย เพราะสามารถทำได้ละเอียด โดยแทรกซึมเข้าไปตามรอยเล็กๆ สีที่ลงยานี้ไม่ทำให้น้ำหนักของทองเปลี่ยนไป กลุ่มลวดลายสิงสาราสัตว์ เช่น ช้าง ม้า นาค หงส์

กลุ่มลวดลายไทยประยุกต์ เช่น ลายกนก ลายกระจัง ลายอุบะ รวมทั้งลวดลายที่เกิดจากจินตนาการและการเลียนแบบปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เช่น ลายเธค (ดวงไฟตามดิสโก้เธค) ลายหัวใจ ลายเสื่อ ลายเกลียวคลื่น เป็นต้น กลุ่มลวดลายประติมากรรม จากรูปเคารพ ลายปูนปั้น และจิตรกรรมฝาผนังที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อาทิ ลายเครือวัลย์ ลายนางพญา แหวนมังกร ลายนะโม ลายเทพพนม ลายกนก ลายนักษัตรตามปีเกิด

กลุ่มลวดลายจากสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ ลายสุ่ม ลายลูกตะกร้อ ลายตะกรุด ลายมัดหมี่ ลายจักสาน ลายปี๊บ และ กลุ่มลวดลายธรรมชาติ เช่น ลายเม็ดมะยม ลายหยดน้ำ ลายไข่ปลา ลายเถาวัลย์ ลายลูกประคำ

ส่วนรูปแบบที่โดดเด่นอันเกิดจากการคิดค้นของช่างทองสกุลสุโขทัย คือ กลุ่มการถักทองคล้ายกับการถักโครเชต์ มีการถัก 2 แบบ คือ 1. การถักกลม เป็นการถักลวดลายตั้งแต่ สามเสา สี่เสา ห้าเสา หกเสา ถึงสิบเสา ถ้าจำนวนเสามาก เส้นทองจะใหญ่ขึ้น นิยมนำไปทำสร้อยคอ และสร้อยข้อมือ ลายถักที่ประกอบเป็นสร้อยคอ หรือลายสร้อยข้อมือ ได้แก่ ลายกระดูกงู เกลียวเชือก เกล็ดมังกร (มังกรคาบแก้ว) กระดูกแย้ สี่เสา หิ้วเย้า ตะขาบ ผ่าหวาย สายรุ้ง สนเกลี้ยง และพวงมาลา 2. การถักแบน เป็นการถักแบนทำสร้อยข้อมือเป็นลายเปีย ลายเย้า และเคยมีการถักถึงสองร้อยเสา สำหรับถักเป็นเสื้อและกระเป๋า เป็นต้น

               สนใจกดเพิ่มเพื่อนได้ที่ลิ้งค์ https://line.me/R/ti/p/%40wisdomgold

ชมสินค้า ทองสุโขทัย

ดูข้อมูลทองสุโขทัยได้ที่นี่