แหวนเพชร คือเพื่อนแท้ของผู้หญิง ดังนั้น Diamonds shop และร้านจำหน่าย แหวนเพชร จิลเวลรี่มากมายจึงเกิดขึ้น   รวมถึงห้างทองกาญจนาภิเษกของเราที่ทำการคัดสรรเพชรคุณภาพพร้อมกับบัตรรับประกัน ส่งตรงถึงมือลูกค้า พ่วงด้วยการบริการหลังการขายที่พิเศษมากมาย อาทิ เช่น บริการปรับไซต์ฟรีให้แก่ลูกค้าที่ซื้อแหวนเพชรกับเรา 

รวมถึงมีการจัดหาคอลเล็คชั่นใหม่ๆมาอย่างต่อเนื่องเพื่อลูกค้าของเราอยู่เสมอ ถือได้ว่าการเลือกซื้อเครื่องเพชรนั้นไม่ใช่แค่การนำมาประดับตามเรือนร่างและไม่ใช่แค่สร้างความงดงามให้กับผู้สวมใส่เพียงอย่างเดียว    แหวนเพชรเครื่องประดับเหล่านี้ยังเป็นส่วนประกอบทำให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นอีกด้วย   ดังนั้นวันนี้ทางเราจึงมีข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อแหวนเพชรหรือเครื่องเพชรอื่นๆ เพื่อไม่ให้ถูกหลอกและช่วยในการตัดสินใจก่อนซื้อให้ง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ

  •   ร้านที่มีใบ Certificate ที่เชื่อถือได้ควรเลือกร้านขายเพชรที่มีใบ Certificate ประจำร้านเพื่อยืนยันถึงมาตรฐานของร้าน เพิ่มความน่าเชื่อถือว่าร้านสามารถตรวจสอบและยืนยันได้ ไม่เอาสินค้าเครื่องเพชรปลอมย้อมแมวมาหลอกขายลูกค้า
  •   เลือกร้านที่มีหลักแหล่งทำเลที่ตั้งชัดเจน  เพื่อเป็นการยืนยันเบื้องต้นก่อนว่าร้านนั้นมีมาตรฐานการดูแลเพชรที่ถูกต้อง มีชื่อเสียงสามารถตรวจสอบได้
  •   ร้านที่มีพนักงานสามารถดูแลและให้ข้อมูลลูกค้าได้อย่างถูกต้องและน่าพึงพอใจ มีความพร้อมในการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นมืออาชีพ
  • มีบริการล้างหรือทำความสะอาดเพชรให้แก่ลูกค้าและมีบริการปรับขนาดแหวนหรือเครื่องประดับให้เข้ากับนิ้วหรือพอดีกับที่ลูกค้าต้องการ
  • มีบริการซ่อมแซมเครื่องเพชร  เพราะถือว่าเป็นบริการดูแลลูกค้าหลังการขายโดยตรงเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ซื้อเพชรจากทางร้านไป

เพราะฉะนั้น หากคุณต้องการแหวนเพชร แหวนหมั้น แหวนแต่งงาน หรือเครื่องเพชรอื่นๆ      นึกถึงห้างทองกาญจนาภิเษกนะคะ   ทางร้านจำหน่ายแหวนเพชรและเครื่องเพชร เกรดพรีเมี่ยมเน้นคุณภาพทำให้เครื่องประดับทุกชิ้น ที่คุณได้ครอบครอง ดูเก๋ โดดเด่น ไม่ซ้ำใครค่ะ

                    ” คุณภาพเป็นหนึ่ง บริการดีเยี่ยม “

บางคนอาจจะยังสงสัยว่าเพชรขนาดเท่ากันแต่ทำไมราคาถึงต่างกันมาวันนี้เรามีวิธีการดูแบ่งได้ 4 ปัจจัยหลักดังนี้

           👇 👇 👇 👇 👇 👇 👇 👇

  1. Color คือระดับความขาวของเพชร

    เพราะเพชรส่วนมากในตลาดโทนสีจะออกขาวอมเหลืองติด ๆ โดยระดับเฉดสีของเพชรนั้น สามารถเรียงจาก D ไปจนถึง Z

ซึ่งตัวD จะหมายถึง มีความใสมากที่สุด

D=100

E=99

F=98

G=97

H=96

I=95

J=94 เป็นต้น

2. Clarity คือระดับความสะอาดของเพชร

      เพราะคนส่วนมากที่ไม่ได้ศึกษาหรือหาข้อมูลของเพชรก่อนตัดสินใจซื้อนั้นก็คงคิดว่า💎 เพชรไม่ว่าจะซื้อที่ไหนก็เหมือนๆกันหมดมองยังไงก็สีขาวเหมือนกันเพราะเรามองด้วยตาเปล่าอาจจะไม่เห็นความแตกต่างซึ่งสามารถแยกระดับความสะอาดจากมากที่สุดได้ดังนี้

Flawless(FL)

Internally Flawless(IF)

Very Very Small Inclusions 1(VVS1)

Very Very Small Inclusions 2(VVS2)

Very Small Inclusions 1(VS1)

Very Small Inclusions 2(VS2)

Small Inclusions 1(SI1)

Small Inclusions 2(SI2)   เป็นต้น

3. Cut คือการเจียระไน

          การเจียระไนถือเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเลือกซื้อเพชร ถ้าเรามองว่าการเจียระไนแบบไหนก็เหมือนกันนั้นให้เราลองสังเกตถ้าเราเข้าร้านเพชร หรือ เดินผ่านร้านเพชรสิ่งแรกที่เราจะสะดุดตาก็คือ การเล่นแสงของเพชรที่จะมีความระยิบระยับ ความสว่างไสวและประกายไฟที่สะท้อนออกมาจากเพชรนั่นเอง

4. Carat weight คือน้ำหนักของเพชร

           น้ำหนักของเพชรจะมีหน่วยเป็นกะรัต ถ้าเรามีเพชร 1 กะรัต =100 สตางค์หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า(ตังค์)ซึ่งถ้ามีจำนวนกะรัตเยอะหรือสตางค์เยอะราคาก็จะยิ่งแพงขึ้นไป

      และอีกปัจจัยหนึ่งที่จะแถมมาพร้อมเพชรนั่น ก็คือ บัตรรับประกัน ซึ่งจะการันตีได้ว่าเราซื้อมาในราคาเท่าไหร่เวลาเราไปเปลี่ยนหรือขายคืนจะโดนหักกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะเวลาเรานำไปขายทุกร้านก็จะถามหาบัตรรับประกันเป็นหลักถ้าไม่มีอาจจะไม่รับหรือถูกกดราคา

      ซึ่งทางห้างทองกาญจนาภิเษก ของเราก็มีบริการเครื่องประดับที่ทำจากเพชรด้วยไม่ว่าจะเป็น แหวนเพชร สร้อยคอเพชร สร้อยข้อมือเพชร จี้เพชร พระฝังเพชร งานเพชรที่ทำตามแบบของลูกค้า หรือการหาเพชรที่ยังไม่ขึ้นตัวเรือน มีแบบให้เลือกมากมาย

มีให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักพันไปจนถึงหลักล้าน รับประกันชิ้นงานตลอดอายุการใช้งาน คิดถึงเพชรคิดถึงเราห้างทองกาญจนาภิเษก นอกจากเรื่องเพชรแล้วเรามากดูเรื่องทองกับ้างนะค

เรามาดูกันว่าการเลือกทองนั้นมีข้อควรระวังหรืออะไรที่ต้องนำมาพิจารณาก่อนบ้าง

1.เลือกร้านทองที่ไว้ใจได้

มีร้านทองมากมายในประเทศไทย เราควรเลือกร้านทองหรือห้างทองที่ไว้ใจได้ มีหน้าร้านและมาตรฐานที่ชัดเจน และมีการเปิดบริการมาเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้าได้มั่นใจว่าเป็นร้านที่จะไม่เอาทองปลอมหรือเครื่องประดับปลอมมาขายให้กับลูกค้า หรือถ้าให้มั่นใจควรตรวจสอบชื่อร้านทองร้านทองที่เป็นสมาชิกของสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทยเสียก่อน

2.ร้านทองต้องมีใบรับประกัน

อีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยยืนยันว่าทองที่เราซื้อมานั้นเป็นของจริงคือใบรับประกันจากร้านค้าที่จะมีรายละเอียดของทองที่ลูกค้าซื้อมาระบุลงบนในรับประกัน เพื่อช่วยยืนยันว่าลูกค้าได้ซื้อทองมาจากร้านนั้นจริงๆ นอกจากนั้นยังเอื้อประโยชน์ให้ลูกค้าหากลูกค้าต้องการขายทองคืนให้ร้านที่ตนเองซื้อทองมาอีกด้วย

3.ร้านทองต้องช่างน้ำหนักทองให้ลูกค้า

ร้านค้าต้องแสดงความโปร่งใส่ให้กับลูกค้าเห็นโดยการช่างน้ำหนักทองให้ลูกค้าตรวจสอบก่อนการซื้อขายทุกครั้ง แน่นอนว่าน้ำหนักทองนั้นๆ จะต้องถูกบันทึกลงไปอย่างถูกต้องลงในใบรับประกันที่ออกจากร้าน น้ำหนักที่แสดงบนตาชั่งจะเป็นกรัมและทองรูปพรรณ 96.5% 1 บาทจะมีน้ำหนัก  15.16 กรัมขึ้นไป และต้องมีการแจ้งเปอร์เซ๋นต์ทองชัดเจนด้วย

4.ควรเลือกลายทองรูปพรรณที่มีความแข็งแรงทนทาน

ทองรูปพรรณนั้นมีการขึ้นลายสวยๆ มากมาย แต่หากผู้ซื้อชื่นชอบการใส่ทองและต้องการทองที่คงทน นอกจากจะเลือกทองที่มีน้ำหนักแล้ว ยังต้องดูที่ลวดลายทองด้วย ตัวอย่างลวดลายทองที่ทำให้ทองหนา ไม่ขาดง่าย คือ ลายสี่เสา ลายกระดูกงู ลายหกเสา ลายซีตรองและลายเปีย เป็นต้น

5.ตรวจสอบค่ากำเหน็จ

          ค่ากำเหน็จนั้นไม่ได้มีการกำหนดตายตัว แม้แต่ทองที่น้ำหนักเท่ากันก็อาจจะมีค่ากำเหน็จที่แตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับลวดลายของเครื่องประดับที่ทำจากทอง หากเป็นลายที่ทำยาก มีรายละเอียดเยอะและต้องใช้ความประดิดประดอยในการทำมาก ค่ากำเหน็จก็จะแพงมากขึ้นไปด้วย

6.เลือกทองให้เหมาะกับผู้ใส่

บางคนชอบซื้อเครื่องประดับจากทองเพื่อนำมาเก็บ หรือบางคนชอบนำมาสวมใส่ หากต้องใส่ตลอดเวลา อาจจะไม่เหมาะกับการซื้อเครื่องประดับทองคำที่มีลวดลายเหลี่ยมมุมที่สามารถทิ่มผิวผู้สวมใส่ได้ หรือหากซื้อให้เด็กก็ไม่ควรเลือกลายเล็กๆ ที่มีลายแหลมออกมาเหมือนกันเพราะอาจจะบาดผิวเด็กหรือเด็กอาจจะดิ้นจนทองขาดได้

7.ตรวจสอบทองทุกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ

เมื่อเลือกเครื่องประดับทองคำและลายที่ต้องการได้แล้ว ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ควรตรวจสอบสภาพของเครื่องประดับที่ทำจากทองคำให้ดีก่อน ว่ามีรอยอะไร หรือมีตำหนิตรงไหนบ้าง โดยเฉพาะจุดที่สามารถแตกหักได้โดยง่าย เช่น บริเวณข้อต่อของทอง หรือ บริเวณตะขอเกี่ยว

8.เลือกซื้อทองให้เหมาะกับความต้องการ

บางคนก็เลือกซื้อทองรูปพรรณเพื่อนำไปสวมใส่ตามโอกาสต่างๆ บางคนก็มีความต้องการที่จะซื้อทองเพื่อเก็บเอาไว้เก็งกำไร ซึ่งคงไม่เหมาะหากจะเลือกทองรูปพรรณที่มีค่ากำเหน็จสูงๆ เพราะอาจจะทำกำไรได้ไม่ดี ควรเลือกเป็นทองแท่งจะดีกว่า เพราะว่าแรงหรือค่ากำเหน็จจะถูกกว่าทองรูปพรรณจึงขายได้ราคาดีกว่า

9.ขายทองร้านเดียวกับที่ซื้อมา

บางคนอาจจะอยากขายทองหลังจากที่ซื้อมา เราควรจะขายทองคืนให้กับร้านทองที่เราซื้อมา เพราะว่าร้านทองจะมีความเชื่อมั่นในทองของร้านตัวเองมากกว่า แต่เราควรจะเก็บเอกสารหรือใบประกันที่เราซื้อมาจากร้านทองนั้นๆ ไว้ด้วยเป็นหลักฐาน หรือถ้าไม่มั่นใจ ก็ควรเลือกซื้อทองร้านที่มีชื่อเสียงและการบริการเก่าแก่ หรือเป็นร้านดั้งเดิมที่มีสาขามากมาย ก็เป็นการรับประกันว่าทองที่ซื้อมาจะสามารถขายได้ในราคาที่ดีและน่าพึงพอใจ

10.เช็คราคาทอง

ที่หน้าร้านทองทุกร้านจะมีราคาทองที่อาจจะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงไปในแต่ละวันติดอยู่ เราจึงควรตรวบสอบราคาทองก่อน เพื่อดูว่าวันไหนที่ราคาทองลงและทำให้สามารถซื้อทองได้ในราคาที่ถูกลงและคุ้มค่ากว่าเดิม หรือถ้าไม่สะดวกไปที่ร้านทอง ตอนนี้ก็มี Application หรือ Website มากมายที่ทำให้เราสามารถตรวจสอบราคาทองได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

สนใจสั่งซื้อสินค้าได้ที่ https://www.wisdom-gold.com/

สั่งซื้อทองคำติดต่อแอดมินได้ที่นี่คลิก https://line.me/R/ti/p/%40wisdomgold