ทองคำแท่ง ถ้าเราพูดถึงทองคำผู้คนมากมายอาจจะรู้จักในส่วนของทองรูปพรรณมากกว่าทองคำแท่งเพราะเราจะเห็นเป็นประจำในร้านทองไม่ว่าจะเป็นแหวนทอง สร้อยคอทอง สร้อยข้อมือทองเป็นต้น

ถ้าเราพูดถึงทองคำผู้คนมากมายอาจจะรู้จักในส่วนของทองรูปพรรณมากกว่าทองคำแท่งเพราะเราจะเห็นเป็นประจำในร้านทองไม่ว่าจะเป็นแหวนทอง สร้อยคอทอง สร้อยข้อมือทองเป็นต้น แต่จะมีส่วนน้อยที่จะรู้จักและสนใจในทองคำแท่งเพราะทองคำแท่งนำมาเป็นเครื่องประดับไม่ได้ไม่เหมือนทองรูปพรรณจึงทำให้เหมาะแก่กลุ่มคนที่ต้องการที่จะลงทุนเป็นหลักและเป็นสินทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นกระแสเงินสดได้ไวที่สุด

ที่มา : โพสต์ ทูเดย์

ถ้าคิดจะลงทุนทองคำคงต้องถามตัวเองก่อนว่าชอบการลงทุนในรูปแบบไหน เพราะมีให้เลือกกันถึง 6 แบบ 6 สไตล์

ทองรูปพรรณ

แม้ว่าทองรูปพรรณจะถูกตราหน้าว่าไม่ใช่รูปแบบที่เหมาะกับการลงทุนนัก เพราะมีต้นทุนสูง แต่ไม่มีใครห้ามถ้าเครื่องประดับสีทองอร่ามจะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือการออมที่สามารถนำออกมาเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันทีที่ต้องการเหมือนที่ปู่ ย่า ตา ยาย เขาทำกันมา

“ต้นทุน”ที่ทำให้ทองรูปพรรณอาจจะไม่ใช่การลงทุนทองคำที่ดีที่สุดคือ ค่ากำเหน็จหรือค่าแรงในการทำให้ทองคำแท่งกลายเป็นทองรูปพรรณที่มีความสวยงามในฐานะเครื่องประดับ ทำให้ราคาขายทองรูปพรรณสูงกว่าราคาขายทองคำแท่ง ขณะที่เมื่อนำไปขายทองรูปพรรณยังถูกกดราคามากกว่าทองคำแท่งอีก

ตัวอย่างราคาทองคำที่สมาคมค้าทองคำประกาศไว้เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ทองคำแท่ง ขายออก15,650 บาท และรับซื้อคืน 15,550 บาท มีส่วนต่างแค่ 100 บาท หรือไม่ถึง 1%

แต่ถ้าเป็นราคาทองรูปพรรณ ราคาขายออก16,050 บาท และรับซื้อคืน 15,326 บาท ราคาต่างกันถึง 724 บาท หรือคิดเป็นต้นทุน 4.72% ต่อทองคำ 1 บาท

นอกจากนี้ยังมี ค่าสึกหรอจากการใช้งานเพราะทองคำที่ผ่านการใช้งานจะมีน้ำหนักทองคำลดลงไปบ้าง เมื่อนำไปขายให้กับร้านทอง ทางร้านจะนำไปชั่งน้ำหนักแล้วตีราคาตามน้ำหนักทองที่เหลืออยู่

ทุนอาจจะไม่หายไปไหน แต่กำไรที่จะได้ก็หดไปเยอะเลย

ทองคำแท่ง

การลงทุนในทองคำแท่งน่าจะเป็นการลงทุนในทองคำที่น่าจะได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะนอกจากจะซื้อง่ายขายสะดวกแล้ว ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย หรือต้นทุนการลงทุนต่ำกว่าทองรูปพรรณ

โดยทั่วๆ ไปทองคำแท่งที่ลงทุนกันจะมี 2 แบบคือ ความบริสุทธิ์ 96.5% และ 99.99% ซึ่งประเทศไทยนิยมการลงทุนในทองคำ 96.5% ขณะที่ต่างประเทศจะนิยมลงทุนทองคำ 99.99%

ถ้าเป็นทองคำแท่ง 96.5% ขนาดเล็กที่สุดที่นิยมซื้อขายกันจะมีน้ำหนักทองคำ 5 บาท ขยับขึ้นเป็น10 บาท 20 บาท และ 50 บาท

แต่ถ้าเป็นทองคำแท่ง 99.99% น้ำหนักทองคำเริ่มต้นที่จะสามารถลงทุนได้อยู่ที่ 100 กรัม 10 บาท 20 บาท และ 1 กิโลกรัม แต่โดยมากมักจะลงทุนกันที่ 1 กิโลกรัม

ห้างทองแม่ทองสุกแนะนำนักลงทุนไว้ว่าสำหรับนักลงทุนที่ยังไม่คุ้นเคยกับการลงทุนในทองคำ 99.99% ควรจะเริ่มต้นจากทองคำแท่ง 96.5% เสียก่อน เพราะมีการประกาศราคาที่เป็นมาตรฐานจากสมาคมค้าทองคำ แต่ถ้าเป็นทองคำแท่ง 99.99% อาจจะเหมาะกับนักลงทุนที่คุ้นเคยกับการลงทุนทองคำแท่งอยู่แล้ว

นอกจากนี้ ทองคำแท่ง 99.99% ยังใช้เงินลงทุนสูงกว่าทองคำแท่ง 96.5% ซึ่งทางห้างทองแม่ทองสุกระบุว่า ถ้าจะลงทุนทองคำแท่ง 96.5% มีเงินสัก 2 แสนบาทก็สามารถทำได้แล้ว แต่ถ้าเป็นทองคำแท่ง99.99% อาจจะต้องมีเงินทุนอย่างน้อย 1 ล้านบาท

เหรียญทองคำ

ถ้าพูดถึง “เหรียญทองคำ”นักลงทุนทองคำในประเทศไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก แต่ถ้าเป็นนักลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะนักสะสมทองคำจะนิยมการลงทุนในเหรียญทองคำ โดยเหรียญทองคำที่เป็นสุดยอดปรารถนาของนักสะสมเหรียญทองคำทั่วโลก เช่น South African Krugerrand,Canadian Maple Leaf, Australian Gold Nugget,American Gold Eagle หรือ U.S. Eagles

นั่นเพราะนอกจากจะซื้อขายเหรียญทองคำได้ตามน้ำหนักของเหรียญแล้ว นักสะสมยังจะได้กำไรจากความนิยมในตัวเหรียญอีกด้วย ทำให้เมื่อบวกกันแล้วเหรียญทองคำมีโอกาสที่จะทำกำไรได้มากกว่าการลงทุนในทองคำแท่งเสียอีก

กองทุนทองคำ

กองทุนทองคำก็เหมือนกับกองทุนประเภทอื่นๆคือ รวบรวมเงินจากนักลงทุนรายเล็กรายน้อยแล้วนำไปซื้อทองคำมาเก็บไว้ แต่ไม่ได้คาดหวังจะซื้อขายทองคำแบบเก็งกำไร แต่จะทำให้มูลค่าหน่วยลงทุนเคลื่อนไหวให้ใกล้เคียงกับราคาทองคำในตลาดโลกเท่านั้น

และเช่นเดียวกับกองทุนรวมอื่นๆ คือ ต้องจ่ายค่าจ้างในการบริหารจัดการกองทุน ซึ่งนี่อาจจะเป็นจุดอ่อนของกองทุนทองคำในประเทศไทย เพราะไม่มีกองทุนทองคำเป็นของตัวเอง จึงต้องจัดตั้งกองทุนขึ้นมาและนำเงินที่รวบรวมได้ไปลงทุนในกองทุนทองคำในต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง ทำให้ต้องเสียค่าธรรมเนียม 2 ต่อ ในอัตราประมาณ 1.3% – 2%

นอกจากนี้ แม้ว่าเราจะตัดสินใจซื้อกองทุนวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าราคาทองคำที่ซื้อได้เป็นเท่าไร เพราะต้องรออย่างน้อย 2 วัน หรือถ้าขายหน่วยลงทุนก็ยังไม่ได้รับเงินทันที ต้องรอเวลาเช่นเดียวกัน

แต่ข้อดีของกองทุนทองคำคือ ไม่ต้องเก็บทองไว้ให้นอนสะดุ้ง และมีเงินเพียงแค่หลักพันก็สามารถลงทุนได้แล้ว (สำหรับบางกองทุน) และถ้าอยากได้เงินปันผลซึ่งหาไม่ได้จากทองคำแท่ง บางกองทุนก็สามารถจัดให้ได้

ในตอนนี้มีกองทุนทองคำให้เลือกลงทุนอยู่ 5 กองทุน จาก 5 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ได้แก่ ทหารไทย โกลด์ ฟันด์(TMBGOLD) บลจ.ทหารไทย, เค โกลด์ (K-GOLD) บลจ.กสิกรไทย, เอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ (IGOLD) บลจ.เอ็มเอฟซี, อยุธยา โกลด์ (AYFGOLD) บลจ.อยุธยา และ ทิสโก้ โกลด์ ฟันด์ (GOLDFUND) บลจ.ทิสโก้

ทั้ง 5 กองทุนลงทุนในกองทุนแม่กองทุนเดียวกันคือ SPDR Gold Trust กองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่จัดตั้งและจัดการโดยสมาพันธ์ทองคำโลก (World Gold Council) จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 4 แห่ง คือ นิวยอร์กสิงคโปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละตลาดจะมีเวลาการซื้อขายและสภาพคล่องแตกต่างกัน

แต่ไม่ใช่ว่าทั้ง 4 กองทุนจะเหมือนกันทั้งหมดเพราะแต่ละกองทุนจะมีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันไป อาทิ ตลาดที่เข้าไปซื้อขาย และนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

บลจ.ทหารไทย และอยุธยา ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้มูลค่าหน่วยลงทุนเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับราคาทองคำในประเทศ

แต่บลจ.กสิกรไทย บลจ.เอ็มเอฟซี และบลจ.ทิสโก้ เปิดทางให้ผู้จัดการกองทุนเลือกที่จะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้

โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ของเล่นใหม่ของนักลงทุน และแม้ว่าโกลด์ฟิวเจอร์สจะเป็นเรื่องใหม่ แต่นพ.กฤชรัตน์ บอกว่าในช่วงนี้มีปริมาณการซื้อขายในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สเพิ่มมากขึ้น และนักลงทุนที่นิยมทองคำแท่งก็เข้ามาในตลาดนี้มากขึ้นด้วย

ซึ่งตั้งแต่ในอดีตเป็นต้นมาทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอาจจะมีบางช่วงที่มีปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้ราคาทองมีมูลค่าที่ลดลงแต่ก็ถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสำหรับสถานการณ์ต่างๆ และทั่วโลกให้การยอมรับสำหรับสินทรัพย์นี้ ซึ่งเราสามารถเปรียบทองคำแท่งเป็นหุ้นได้เลยเพราะมีราคากลาง(ราคาจากสมาคมค้าทองคำ: https://goldtraders.or.th/)ในการซื้อขาย จึงทำให้ผู้คนหันมาสนใจลงทุนในทองคำมากยิ่งขึ้น ซึ่งห้างทองกาญจนาภิเษก ของเราจำนวน 4 สาขาที่พร้อมให้บริการทุกท่าน ทองคำแท่งมีน้ำหนักเริ่มตั้งแต่  1 กรัมไปจนถึง 100 บาทซึ่งสามารถเริ่มลงทุนด้วยเงินหลักพันได้เลย เหมาะสำหรับลูกค้าที่อยากจะเก็บเป็นสินทรัพย์ในอนาคต หรือ สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินใช้ในยามจำเป็นได้ หรือลูกค้าที่ไม่สะดวกมาที่หน้าร้านสามารถติดต่อเข้ามาที่เพจ

FB:Wisdom gold by ห้างทองกาญจนาภิเษก หรือ @wisdomgold สอบถามข้อสงสัยได้ครับ

อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

สอบถามรายละเอียด กับแอดมินได้ที่ Line:@wisdomgold หรือกดที่ลิ้ง https://line.me/R/ti/p/%40wisdomgold